บทที่ 6 การ์ดแสดงผล
การ์ดแสดงผล เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ทำหน้าทีในการประมวลผลสัญญาณของภาพเพื่อส่งต่อไปยังมอนิเตอร์ เพื่อแสดงภาพ สำหรับการ์ดแสดงผลนี้เป็นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่ต้องการภาพที่สมจริงรวมไปถึงคนที่ต้องการเล่นเกมส์ และคนที่ชอบตัดต่อ VDO ส่วนใหญ่แล้ว ก็จะติดตั้งมาพร้อมเมนบอร์ด แต่คนที่ต้องการจะมีการ์ดแสดงผลแยกตางหากก็สามารถ เลือกที่ไม่มีติดตั้งก็ได้
ประเภทของ การ์ดแสดงผล
1.AGP(Accelerated Graphics Port) เป็นพอร์ตรุ่นเดิมในปัจจุบันได้ล้าสมัยไปเพราะมีความเร็วที่ต่ำ
![]() |
ลักศณะของ การ์ดแสดงผล แบบ AGV
|
2.PCI Express
เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อใหม่ล่าสุด ซึ่งมีความเร็วมากกว่า AGP
เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อใหม่ล่าสุด ซึ่งมีความเร็วมากกว่า AGP
![]() |
ลักศณะของ การ์ดแสดงผล แบบ PCI Express
หน่วยความจำของการ์ดแสดงผล![]() ![]() ประเภทของหน่วยความจำที่นิยมมาใช้กับการ์ดแสดงผล
การเลือกซื้อการ์ดแสดงผล
ในการประมวลผลภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น จำเป็นจะต้องใช้ชิปประมวลผลกราฟิคเพื่อช่วยแสดงรายละเอียดในการแสดงผลภาพให้สมจริง คมชัด โดยรวมแล้วเราสามารถแยกประเภทของชิปประมวลผลเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ แบบชิบบนตัวเมนบอร์ด (On-board graphic chip) และการ์ดแสดงผลซึ่งเป็นการ์ดเชื่อมต่อบนสล็อตบนเมนบอร์ด โดยการสังเกตว่าคอมพิวเตอร์ของเรารองรับการ์ดแสดงผลแบบใด จะต้องดูจากชิปเซต และดูว่ามีสล็อตประเภทใดที่รองรับการเชื่อมต่อการ์ดแสดงผลด้วย
ปัจจุบันการ์ดแสดงผลมีการพัฒนาชิปประมวลผลให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อให้สามารถรองรับการประมวลผลภาพที่สมจริง เรียกได้ว่าแทบจะทุกๆ 6 เดือนเลยก็ว่าได้ โดยมักจะเน้นในด้านการแสดงผลในเกมสามมิติ การแสดงแสงเงาที่สมจริงในฉากเกม นอกจากนี้ยังมีเหตุผลในการเลือกซื้อการ์ดแสดงผลคือเรื่องของการรองรับการเชื่อมต่อ เช่น พอร์ต DVI เพื่อใช้เชื่อมต่อกับจอแสดงภาพแบบ Flat-panel เชื่อมต่อกับโทรทัศน์ หรือภาครับวิทยุ FM รวมถึงการเชื่อมต่อกับวีดีโอต่างๆ เช่น S-Video และการเชื่อมต่อ Component ทำให้การ์ดแสดงผลเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่หลายคนพยายามไขว่หาการ์ดแสดงผลที่ดีที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่เสมอ ซึ่งนับว่าเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนกันบ่อยสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการความสามารถในการแสดงผลในระดับสูง โดยการ์ดแสดงผลรุ่นท็อปมักมีราคาในระดับ 1 – 2 หมื่นบาทเลยทีเดียว ประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาในการเลือกซื้อการ์ดแสดงผล ![]() (รูปภาพจาก http://www.pcstats.com) Interface เข้าใจง่ายๆคือรูปแบบการเชื่อมต่อ นั่นคือรูปแบบของการ์ดที่เชื่อมต่อกับตัวเมนบอร์ดนั่นเอง โดยปัจจุบันจะมีรูปแบบการเชื่อมต่อแบบ PCI Express ที่สามารถเชื่อมต่อกับสล็อต PCI Express สำหรับพีซีรุ่นใหม่ หรือสำหรับรุ่นเก่าจะรองรับรูปแบบการเชื่อมต่อ AGP โดยจะมีความเร็ว 8X 4X และ 2X ซึ่งปัจจุบันจะมีให้เลือกเป็น AGP 8X* และ PCI Express x16 คุณไม่สามารถนำการ์ดแสดงผลแบบ AGP ติดตั้งลงในช่องเสียบการ์ดแบบ PCI Express โดยรูปแบบการเชื่อมต่อแบบ PCI Express จะมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมากกว่า AGP โดยทางทฤษฎีจะมีความเร็ว 16X ซึ่งเร็วกว่า 8X) สำหรับเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆจะมีรูปแบบการเชื่อมต่อแบบ PCI Express Graphic Processor เหมือนมันสมองในการประมวลผล โดยปัจจุบันเกมต่างๆได้รับการพัฒนาให้สามารถแสดงผลในรูปแบบสามมิติ ต้องขอบคุณการ์ดแสดงผลในปัจจุบันที่รองรับการแสดงผลที่สมจริงมากยิ่งขึ้น โดยชิปประมวลผลกราฟิก (Graphic Processing Unit : GPU) นั้นมีผลกับคุณภาพในการประมวลผลภาพมาก โดยชิปประมวลผลภาพจะแบ่งเป็น 2 ค่ายคือ nVidia และ ATi ความสามารถในการแสดงผลภาพของการ์ดแสดงผลประสิทธิภาพสูงจะสามารถเรนเดอร์ภาพได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ภาพที่ออกมาสวยงาม สดใส ไม่สะดุด ไม่มีการกระตุกให้เห็นในการเล่นเกมส์ รับชมภาพยนตร์ โดยจะมีการวัดค่าในการแสดงผลภาพในหน่วยเฟรมต่อวินาที (Frame per second เรียกย่อๆว่า fps) เช่นการรับชมภาพ 30 fps คือการรับชมภาพที่ 30 เฟรมต่อวินาที (ต้องอธิบายก่อนว่าภาพที่เราเห็นนั้น จะมีการเปลี่ยนเฟรมของภาพอย่างรวดเร็วจนตาของเราจับไม่ทัน ทำให้ภาพมีความต่อเนื่อง หากมีการแสดงผลเฟรมภาพได้มาก ก็จะแสดงภาพได้อย่างนิ่มนวลมากยิ่งขึ้น โดยคุณสมบัติของการ์ดแสดงผลที่ต้องนำมาพิจารณาคือ Pixel Shading การแสดงผลภาพ, Transparency การแสดงภาพความคมชัด ความลึกของภาพ, High Dynamic-rang lighting การสร้างแสงเงาของภาพ และความละเอียดในการแสดงผลภาพ เช่น 1600x1200 จะใช้กับหน้าจอที่แสดงผลภาพขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ Antialiasing การเปิดคุณสมบัติทำให้ภาพมีความสมูท ไหลลื่น นิ่มนวล ไม่ดูแข็งกระด้าง ![]() ในปัจจุบันเกมส่วนใหญ่มักจะใช้คุณสมบัติ DirectX 9 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงผลภาพให้คมชัด ยอดเยี่ยม นำประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์มาใช้เร่งความเร็วในการแสดงผลกราฟิกมากยิ่งขึ้น หน่วยความจำ ในการใช้งานด้านกราฟิก เช่น การเล่นเกมส์ ตัดต่อวีดีโอ จำเป็นต้องอาศัยการส่งผ่านข้อมูลไปฝากไว้ในหน่วยความจำสำหรับรอการประมวลผลภาพในแสดงผลต่อไป ซึ่งในปัจจบันเกมต่างๆต้องการเนื้อที่หน่วยความจำจำนวนมากในการประมวลผล โดยการ์ดแสดงผลมักมากับหน่วยความจำชนิด GDDR3 ขนาด หน่วยความจำอย่างน้อย 128MB โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานกับ Windows Vista ระบบปฏิบัติการแห่งอนาคตกับคุณสมบัติ Aero Glass ส่วนในระดับเมนสตรีมแนะนำให้ใช้ขนาดหน่วยความจำที่ 256MB จนถึง 512MB โดยในปัจจุบัน (ไตรมาสที่ 1/2006) หน่วยความจำขนาด 512MB เป็นขนาดหน่วยความจำที่มากที่สุด ในเกมเก่าๆ ขนาดหน่วยความจำ 128MB อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในการเล่นเกม หากต้องการอัตราการแสดงผลเฟรมภาพที่สูง และสามารถรองรับการแสดงผลที่ความละเอียด 1600x1200 pixels ควรมีขนาดหน่วยความจำที่ 256MB แต่ความต้องการอาจไม่ได้มากขนาดนั้น สำหรับคนที่เล่นเกมเก่าๆอยู่อาจยังไม่ถึงเวลาอัพเกรด จนกว่าจะมีเกมใหม่ๆที่ถูกใจออกมาจึงค่อยทำการอัพเกรดภายหลัง ในชิประมวลผลกราฟิกในบางรุ่น เช่นเมนบอร์ดในเครื่องพีซี (หรือโน้ตบุค) อาจใช้หน่วยความจำหลักของระบบมาใช้ในการประมวลผลภาพด้วย ซึ่งจะแบ่งส่วนหน่วยความจำของระบบไปใช้ในการแสดงผลภาพกราฟิก ทำให้หน่วยความจำที่ใช้ในระบบปฏิบัติการลดน้อยลง หากหน่วยความจำระบบน้อยเพียง 128MB เมื่อถูกแบ่งไปใช้งานด้านกราฟิกอาจทำให้เหลือหน่วยความจำเพียงแค่ 96MB เท่านั้น แต่สำหรับชิปบนเมนบอร์ดในบางรุ่น เช่น Intel Celeron อาจมีชิปประมวลผลภาพกราฟิกมาให้ นั่นหมายถึงมีหน่วยความจำในตัวชิปต่างหากด้วย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีในการจัดการหน่วยความจำโดยจัดสรรหน่วยความจำของระบบมาใช้กับการ์ดแสดงผลครึ่งหนึ่ง คือเทคโนโลยี TurboCache จาก nVidia และ HyperMemory จาก ATi พอร์ตเชื่อมต่อ 2 พอร์ต ![]() กราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ๆจะให้พอร์ตเชื่อมต่อ 2 พอร์ต โดยอาจจะให้พอร์ต DVI (Digital) และพอร์ต VGA (Analog) หรือให้พอร์ต DVI ทั้ง 2 พอร์ตเลยก็เป็นได้ โดยการเชื่อมต่อแบบ DVI จะส่งสัญญาณแบบดิจิตอล ซึ่งให้คุณภาพในการแสดงผลที่ดีกว่าแบบอนาล็อค (พอร์ต DVI มักให้มากับจอภาพแบบ LCD) หรือจอแสดงผลระดับสูงที่รองรับการส่งผ่านข้อมูลแบบดิจิตอล สำหรับพอร์ต VGA หรือพอร์ค D-Sub 15 pin คือพอร์ตที่ใช้ต่อจอมอนิเตอร์แบบ CRT ทั่วๆไป จุดเด่นของการเชื่อมต่อจอแสดงผลแบบนี้คือสามารถเชื่อมต่อจอภาพได้มากถึง 2 - 4 จอเลยทีเดียว ทำให้เพิ่มพื้นที่การทำงานโปรแกรมต่างๆได้มากขึ้น หากการ์ดแสดงผลของคุณไม่มีพอร์ต VGA คุณก็สามารถเชื่อมต่อจอภาพแบบ DVI ผ่านทางตัวแปลง DVI-to-VGA ได้อีกด้วย เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแสดงผลภาพ ทั้ง nVidia และ ATi ต่างก็พัฒนาขีดความสามารถในการแสดงผลวีดีโอที่สมจริง ภาพคมชัด สดใส แยกแยะความแตกต่างของสีได้ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Avivo จาก ATi และ PureVideo จาก nVidia ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ DVD โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่ถ่ายทำด้วยความละเอียดระดับ High-definition ทำให้ภาพที่รับชมชัดเจน สดใส สมจริง มีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่จอภาพทื่อๆอีกต่อไป ![]() ภาพคมชัด ![]() สีสันสดใส พอร์ต S-Video-out/-in ![]() S-Video port รองรับการส่งสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ จอฉายภาพโปรเจคเตอร์ จอ VCR และอุปกรณ์แสดงผลภาพอื่นๆ นอกจากนี้คุณยังพบกับการเชื่อมต่อแบบ VIVO (ย่อมาจาก Video in/Video out) และพอร์ต S-Video ให้คุณรับชมภาพจากกล้องถ่ายภาพวีดีโอได้อย่างง่ายดาย หมายความว่าคุณสามารถรับและส่งสัญญาณภาพในพอร์ตเดียวกันได้อีกด้วย Composite-out/-in ![]() Composite Cable ทำงานเช่นเดียวกับพอร์ต S-Video แต่จะมีการส่งผ่านข้อมูลต่ำกว่า S-Video ใช้งานกับอุปกรณ์เก่าๆได้เป็นอย่างดี สำหรับการ์ดแสดงผลส่วนใหญ่มักจะให้สายแปลงพ่วงต่อ S-Video-to-composite อยู่แล้ว TV-Tuner ![]() TV Tuner Card รับชมรายการโทรทัศน์ บันทึกรายการโทรทัศน์สุดโปรด ปกติการ์ด TV Tuner จะจำหน่ายแยกจากการ์ดแสดงผล แต่หากการ์ดแสดงผลมีคุณสมบัตินี้ก็สามารถรับชมโทรทัศน์ได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ทันที Overclocking การปรับแต่งการ์ดแสดงผลให้ทำงานในระดับที่เกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดมาจากโรงงาน จะเป็นสวรรค์ของนักปรับแต่งที่ชอบการโมดิฟาย โดยผู้ผลิตการ์ดจะยอมให้ทำการโอเวอร์คล็อคในระดับหนึ่ง โดยมีการป้องกันความเสียหายจากการโอเวอร์คล็อค ผู้ผลิตบางรายอาจจำหน่ายการ์ดแสดงผลที่ปรับแต่งความเร็วสัญญาณนาฬิกามาให้แล้ว โดยกระทำอยู่ในมาตรฐานที่ไว้วางใจได้ นอกจากนี้ยังมีการ์ดแสดงผลที่แถมซอฟต์แวร์ในการปรับแต่งเป็นลูกเล่นให้อีกด้วย ทำให้มีบางคนซื้อการ์ดแสดงผลมาเพื่อการโอเวอร์คล็อคกันเลยทีเดียว แต่การปรับแต่งต้องอาศัยความชำนาญ และระมัดระวังความเสียหายและความร้อนที่สะสมจากการจูนเครื่องให้ทำงานเกินกำลังความสามารถ Antialiasing เทคโนโลยีในการ์ดแสดงผลที่ช่วยในการลบรอยหยักของภาพ ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด มีความคมชัดของภาพในระดับที่ไม่คมเกินไปนัก ภาพจะดูนุ่มนวลสบายตา คุณสมบัตินี้จะช่วยในการแสดงผลภาพในความละเอียดต่ำที่ภาพจะแตก หยาบ แสดงผลภาพในอัตราเฟรมเรตที่ต่ำ ทำให้ภาพที่ออกมาไม่แยกและหยาบจนเกินไป โดยคอเกมส์อาจเลือกเปิดคุณสมบัติเพื่อให้ภาพที่ละเอียด ราบรื่นยิ่งขึ้น หรือมีประสิทธิภาพในการแสดงผลสูงขึ้น การรองรับการเชื่อมต่อแบบ Dual GPU ![]() การเชื่อมต่อการ์ดแสดงผลแบบคู่ การรันการ์ดแสดงผล 2 ตัวในระบบเดียวกัน จะช่วยในการประมวลผลภาพที่รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยต้องใช้เมนบอร์ดที่รองรับการเชื่อมต่อการ์ดแสดงผลแบบคู่ โดยทางฝั่ง nVidia จะใช้เทคโนโลยี SLi (Scalable Link Interface) ส่วนทาง ATi จะมากับคุณสมบัติ CrossFire โดยการ์ดแสดงผลส่วนใหญ่ที่ใช้ความสามารถนี้จะสามารถแสดงผลที่ความละเอียด 1600x1200 pixel พร้อมเปิดใช้คุณสมบัติ antialiasing นอกจากนี้ทาง nVidia ยังได้พัฒนาชิปประมวลผลกราฟิกแบบ Quad-SLi ที่ให้การแสดงผลมากถึง 4 ชิปประมวลด้วยกัน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก http://www.nvidia.com และ http://www.ati.com) พิจารณาจากสเปค จะแบ่งเป็น 3 ระดับดังนี้ ระดับล่าง ขนาดหน่วยความจำ 128MB-256MB ระดับกลาง ขนาดหน่วยความจำ 256MB ระดับบน ขนาดหน่วยความจำ 256- 512MB (หากขนาดหน่วยความจำมาก ก็จะมีราคาสูง แต่จะให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลดีกว่า) ระดับล่าง ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 300 – 500 MHz ระดับกลาง ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 400 – 500 MHz ระดับบน ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 450 MHz ขึ้นไป (ความเร็วสัญญาณนาฬิกาของการ์ดแสดงผลมีผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมในการแสดงผล ภาพ) อินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อ ทั้งระดับ ล่าง กลาง บน เลือกได้ทั้ง AGP / PCI Express (ต้องพิจารณาจากเมนบอร์ดของคุณว่ารองรับการ์ดแสดงผลแบบใด หรือหากต้องการใช้การ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ๆ ก็ต้องเลือกเมนบอร์ดให้เหมาะสมด้วย) การเชื่อมต่ออุปกรณ์แสดงผล ระดับล่าง DVI 1 หรือ 2 พอร์ต ระดับกลาง DVI 1 หรือ 2 พอร์ต ระดับบน DVI 2 พอร์ต พอร์ตการเชื่อมต่ออื่นๆ ทุกระดับเลือกได้ทั้ง S-Video, Composite หรือ Component (พิจารณาจากความสำคัญของงาน การตัดต่อวีดีโอแบบดิจิตอล พอร์ต S-Video จะดีกว่า นอกจากนี้ให้พิจารณาว่าอุปกรณ์ต่างๆที่คุณใช้งานรองรับพอร์ตชนิดใด) พอร์ตการรับสัญญาณ: ระดับล่าง ไม่ต้องมี Video/Audio input ระดับกลางและบน Video Input / Audio Input (หากต้องการบันทึกภาพจากโทรทัศน์หรือกล้องวีดีโอ การ์ดแสดงผลแบบ TV Tuner รองรับความสามารถในการบันทึกรายการโทรทัศน์อยู่แล้ว) คำแนะนำในการเลือกซื้อ 1. ตรวจสอบชนิดการเชื่อมต่อการจอภาพที่คุณต้องการ รูปแบบการเชื่อมต่อที่เมนบอร์ดรองรับ หรือหากซื้อเมนบอร์ดแล้วให้พิจารณาว่าจะใช้การ์ดแสดงผลที่เชื่อมต่อในรูปแบบใด หรืออาจจะพิจารณาเลือกรูปแบบการเชื่อมต่อ จากนั้นจึงซื้อเมนบอร์ด และซีพียูก็ได้ 2. ตรวจสอบการเข้ากันได้ของการ์ดแสดงผล โดยการ์ดแสดงผลจะมี AGP2x/4x/8x นอกจากนี้ยังมีแรงดันไฟที่ต่างกัน เช่น 3.3 โวลต์อีกด้วย 3. พิจารณาตั้งแต่ขั้นตอนการจัดสเปคคอมพิวเตอร์ ว่าจะใช้เมนบอร์ดที่รองรับการ์ดแสดงผลแบบใด แล้วจึงเลือกการ์ดแสดงผลที่ต้องการ หรือหากต้องการเชื่อมต่อการ์ดแสดงผลแบบคู่ก็ต้องเลือกตั้งแต่เมนบอร์ดเลยทีเดียว 4. ตรวจสอบให้ดีว่าโปรแกรมหรือเกมที่คุณใช้นั้น รองรับเทคโนโลยีใดบ้าง แล้วจึงเลือกให้เหมาะสมกับงานที่เราใช้จริง
การ์ดแสดงผลสัญญาณภาพหรือการ์ดจอ(Display Adapter)
![]()
ส่วนประกิบของการ์ดจอแสดงผล
![]()
อินเตอร์เฟส (Interface) หรือระบบบัสของตัวการ์ด
เป็นส่วนที่ใช่เชื่อมต่อเข้ากับระบบบัสที่อยู่บนเมนบอร์ด มีลักษณธเป็นแถบทองแดงยื่นออกมาด้านข้างของตัวการ์ด ใช้เสียบลงบนช่องเสียบ (Slot) บนเมนบอร์ดที่เป็นชนิดเดียวกันกับตัวการ์ด ปัจจุบันการ์ดจอมีอินเตอร์เฟสให้เลือกใช้อยู่ 2 แบบคือ AGP และ PCI Express ซึ้งมีรายระเอียดดังนี้
![]()
เป็นระบบบัสที่มีความถี่ในการทำงานที่ 66.6 MHz ด้วยความกว้างบัสขนาด 32 บิตมาตร
ฐานเริ่มต้นคือ AGP 1X ซึ่งให้ Bandowidth ที่ 266 MB/sec (โดยประมาณ) แต่สำหรับมาตรฐานล่าสุดที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันคือ AGP 8X ซึ่งให้ Banidth สูงสุดที่ 2132 MB/sec หรือ 213 GB/sec
![]()
ชิปประมวลผลกราฟิก (GPU: Graphic Proessing Unit)
![]()
เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดบนตัวการ์ด ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลด้านกราฟิกโดยเฉพาะ ซึ่งช่วยลดภาระในการทำงานของซีพียูลงรวมทั้งเพิ่มความเร็วในการแสดงภาพ 2 และ 3 มิติ ทั้งภาพนิ่งและภาพเครื่องไหวบนจอแสดงผลปัจจุบันบริษัทที่แข่งขันกันผลิตชืปประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำไปใช้ประมวลผลภาพกราฟิกแบบ 3 มิติสำหรับเกมต่างๆที่ผุ้ใช้โดยทั้วไปรู้จักกันดีมีอยู่ 2 บริษัทใหญ่ คือ nVIDIA ผุ้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิกในตะกูล GeForce ซีรี่ส์ต่างๆ เช่น Series 7 และ 6 รุ่น 7950, 7900, 6800 และ 6600 เป็นต้น และ บริษัท ATI ผูเผลิตชิปประมวลผลกราฟิกในตระกูล Radeon ซีรี่ส์ต่างๆ เช่น Series X1900, X1800, X800 และ X550 เป็นต้น
![]()
หน่วยความจำบนตัวการ์ด (VIRAM : Video RAM)
![]()
ตัวแปลงสัญญาณสู่จอภาพ (RAMDAC)
![]() ช่องสัญญาณหรือช่องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆเป็นช่องต่างๆของการ์ดจอที่เอาไว้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก เช่น จอภาพ (CRT/LCD) จอโทรทัศน์ และกล้องถ่ายวิดิโอ เป็นต้น สำหรับการ์ดจอโดยทั่วๆไปในปัจจุบันมักจะมีช่องต่างๆดังนี้ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ชนิดของจอภาพ
จอภาพชนิด CRT
จอภาพชนิดนี้ มีหลักการทำงานคล้ายเครื่องรับโทรทัศน์ คือ ยิงลำอิเล็กตรอนไปกระทบกับสารเรืองแสง Phosphor ที่ ฉาบอยู่ที่ผิวจอภาพด้านในผ่าน"หน้ากาก" ซึ่งเป็นแผ่นโลหะมีรูอยู่ตามจุดของ Phosphor ทำให้เกิดแสงสีต่างๆ ขึ้นบนจอ ภาพตามแต่รูปแบบของสัญญาณภาพที่ส่งผ่านมาจาการ์ดแสดงผล ในท้องตลาดไปปัจจุบันยังคงนิยมใช้จอภาพชนิดนี้ เนื่องจากมีราคาถูก แต่มีข้อเสียคือ มีความหนา และน้ำหนัก มาก โดยหน้าจอจะมีความโค้งทำให้เกิดการสะท้อนของแสงมากทำให้ปวดตาได้ง่าย แต่โดยรุ่นใหม่ จะมีการออกแบบ ให้มี ความแบบ ราบมากขึ้นได้แก่จอภาพตระกูล Trinitronของโซนี่ เป็นต้น ซึ่งจอภาพประเภทนี้ จะให้ภาพที่มี ความคม ชัดและสว่างมากกว่า เดิม
จอภาพชนิด LCD
จอภาพ LCD (Liquid Cystal isplay) เป็นจอภาพแบบแบนมีขนาดเล็กบางและน้ำหนักเบา มีหลักการทำงานคือ ภายในจะมีหลอดฟลูออเรสเซนต์ ทำหน้าที่ใช้แสงสว่างออกมาผ่านชั้นของผนึกเหลวที่เรียกว่าLiquid Crystal และผ่าน polarizer เพื่อให้แสงในแนวต่างๆ ผ่านมาตามการบิดตัวของแสงโดยผ่าน ฟิลเตอร์ สีอีกชั้นหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นจุดสีแดงต่อ เนื่องกัน ออกมาเป็นภาพสีบนหน้าจอ สำหรับจอ LCD ในปัจจุบันมักเป็น แบบ TFT (Thin-Film Transistor) เพราะจะให้ภาพที่มีความสว่างสีสันสด ใส และคมชัดกว่าจอ LCD แบบ STN แต่เดิมจอภาพชนิดนี้จะมีใช้เฉพาะในเครื่องโน๊ตบุ๊ค แต่ปัจจุบันเริ่มมีใช้กันในเครื่อง แบบตั้งโต๊ะกันแล้ว โดยมีขนาดใหญ่ถึง 22"สำหรับเครื่องโน๊ตบุ๊คจะมีขนาดใหญ่สุดประมาณ 16" ในท้องตลาดไปปัจจุบันยังคงนิยมใช้จอภาพชนิดนี้ เนื่องจากมีราคาถูก แต่มีข้อเสียคือ มีความหนาและน้ำหนักมาก โดยหน้าจอจะมีความโค้งทำให้เกิดการสะท้อนของแสงมากทำให้ปวดตาได้ง่าย แต่โดยรุ่นใหม่จะมีการออกแบบให้มีความแบบ ราบมากขึ้นได้แก่จอภาพตระกูล Trinitronของโซนี่ เป็นต้น ซึ่งจอภาพประเภทนี้จะให้ภาพที่มีความคมชัดและสว่างมากกว่าเดิม
การเลือกซื้อจอภาพ
สำหรับผู้ที่ต้องการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ตอนนี้อาจจะกำลังสงสัยหรือสับสนอยู่บ้าง เนื่องจากปัจจุบันนี้มีจอคอมพิวเตอร์ให้เลือกจำนวนมากมายหลายรุ่น หลายยี่ห้อ รวมทั้งขนาดหน้าจอที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ผมอยากจะขอนำเสนอแนวทางการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์แบบง่ายๆ มาช่วยให้คุณมีข้อมูลในการเลือกซื้อได้มากขึ้น
1. ขนาดหน้าจอ ส่วนนี้เป็นส่วนแรกที่คุณจะต้องคำนึงถึงก่อนนะครับว่า คุณต้องการจอคอมพิวเตอร์ขนาดเท่าไหร่? เพราะขนาดหน้าจอที่ใหญ่ก็ยิ่งจะช่วยให้มีพื้นที่ในการใช้งานบนหน้าจอมากขึ้น หรือถ้าคุณต้องการนำไปเพื่อเล่นเกมส์หรือชมภาพยนตร์ผ่านคอมพิวเตอร์ ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ก็จะยิ่งทำให้ได้อรรถรสในการรับชมมากยิ่งขึ้น (แต่ราคาก็จะสูงตามขึ้นไปด้วยนะครับ)
ขนาดหน้าจอที่มีอยู่ในปัจจุบันก็คือ 15 นิ้ว, 17 นิ้ว, 18.5 นิ้ว, 19 นิ้ว, 20-27 นิ้วครับ ถ้าผมแนะนำขนาดหน้าจอ 19 นิ้วจะเหมาะที่สุด
2. ความละเอียดหน้าจอ (Resolution) โดยยิ่งความละเอียดมากภาพยิ่งคมชัด แต่ความละเอียดจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการ์ดจอที่ใช้งานด้วยนะครับ ซึ่งถ้าเป็น Notebook ขนาดหน้าจอปกติ (14 นิ้ว) จะมีความละเอียดอยู่ที่ 1366 x 768 ส่วนหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบ Wide Screen ความละเอียดที่ใช้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1440 x 900 ครับ ความละเอียดสูงๆ จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเมื่อใช้เล่นเกมส์ที่สามารถปรับความละเอียดสูงๆ ได้ดีด้วย
3. อัตราส่วนของจอ โดยปัจจุบันอัตราส่วนของจอภาพในปัจจุบันจะมี 16:9 16:10 และ 4:3 ซึ่งอัตราส่วนเหล่านี้เป็นอัตราส่วนของจอในแบบความยาวต่อความสูง โดยแบบ16:9 และ 16:10 เป็นจอแบบ Wide Screen ซึ่งเป็นหน้าจอเน้นความกว้าง เหมาะกับการทำงานที่ใช้พื้นที่ด้านข้างมาก เช่นโปรแกรมตกแต่งภาพ หรือไว้สำหรับชมภาพยนตร์ที่เป็นขนาดเหมือนในโรงหนัง คือมีความกว้างมากส่วน 4:3 เป็นแบบหน้าจอโทรทัศน์ปกติ
4. ช่องเชื่อมต่อ (Port) ซึ่งปัจจุบันจะมีช่องเชื่อมต่อพื้นฐานคือ VGA port (สังเกตว่าหัวของ Port ตัวนี้จะเป็นสีน้ำเงินครับ) หรือ DVI Port (หัวจะเป็นสีขาวครับ) และหลังๆ จะมีช่องสำหรับการเชื่อมต่อแบบ HDMI เพื่อเสียบต่อออกจอโทรทัศน์แบบ LCD หรือ LED หรือเครื่องเล่น DVD หรือ Blu-ray
5 การรับประกัน Dead/Bright Pixel คือเป็นการรับประกันจุดเสียบนหน้าจอ ยิ่งรับประกันที่ dot น้อยยิ่งดี ซึ่งบางที่หากเกิด Dead/Bright Pixel เพียงจุดเดียวก็สามารถเคลมจอใหม่ได้
6 อย่าลืมด้วยการลองดูการแสดงภาพจริงๆ ก่อนซื้อ โดยนอกจากการดูสภาพของจอภายนอกแล้ว อย่าลืมทดสอบ Dead Pixel ที่ร้านเลยด้วย วิธีคือให้เค้าเปิดหน้าจอแสดงสีทั้งหน้าจอเป็นสีเดียว เช่น แดง น้ำเงิน เขียว เหลือง (ร้านขายจอมักจะมีโปรแกรมนี้อยู่แล้ว) แล้วดูอย่างละเอียดว่ามีจุดบอดของสีหรือเปล่าครับ หากมีก็ขอเปลี่ยนใหม่ก่อนเลย
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น