บทที่ 8 อุปกรณ์ต่อพ่วง
8.1 บทนำ
อุปกรณ์ต่อพ่วง คือ อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการทงานมากขึ้นปัจจุบันอุปกรณ์ต่อพ่วงพัฒนาล้ำหน้าไปมาก
8.2 กล้องดิจิตอล
แสดงภาพกล้องดิจิตอล
ที่มา www.fujifilm.co.th
แต่เดิมนั้นกล้องที่ใช้ทั่วไปจะเป็นกล้องแบบใช้ฟิล์ม ขนาด 35 มม. หรือที่เรียกกันว่ากล้อง35 มม. แต่ขณะนี้มีนวัตกรรมทางการถ่ายภาพที่ล้ำหน้าไปไกล การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยที่เปลี่ยนการใช้ฟิล์ม 35 มม. แบบธรรมดาเป็นการใช้ฟิล์มแบบดิจิตอล ซึ่งกลองแบบนี้มีชื่อเรียกกันว่า "กล้องดิจิตอล"(Digital Camera)
หลักการทำงานของกล้องดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับกล้อง 35 มม. ที่ใช้ฟิล์มธรรมดาทั่วไป คือมีเลนส์ สำหรับรับแสงที่สะท้อนจากวัตถุ และมีรูปรับแสง(Aperture) ซึ่งสามารถปรับขนาดได้ มีชัตเตอร์สำหรับ เปิดรับแสงในปริมาณและนานเท่าใด ส่วนความแตกต่างจะอยู่ที่ตัวรับแสงของกล้อง กล้องดิจิทัลใช้ตัวรับแสง ที่เรียกว่า CCD (Charge-Couply Device) ทำหน้าที่เป็นตัวรับแสงแทนฟิล์ม และ CCDนี้จะมีทาง ยาวโฟกัสที่สั้น ทำให้ได้มุมมองของภาพ (Angle of View)แคบ เนื่องจากตัวรับภาพมีขนาดที่เล็กกว่าฟิล์ม กล้องดิจิทัลมีการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ของกล้อง 35 มม. คือ การล้าง อัด ขยาย เอาไว้ในขั้นตอนเดียวกัน แบตเตอรี่ที่ใช้ในกล้องดิจิทัลมี 2 แบบคือ แบตเตอรี่ที่ใช้ได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก และ แบตเตอรรี่ที่นำกลับมาใช้งานได้อีกโดยการชาร์จ กล้องดิจิทัลจึงมีความสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่ากล้อง 35 มม. เนื่องจากกล้องดิจิทัลมีส่วนประกอบของการแสดงผลออกมาทางช่องมองภาพแบบLCD ซึ่ง เปรียบได้กับช่องมองภาพของ กล้องแบบธรรมดา และหากเป็นกล้องดิจิทัลรุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงจะมี ช่องมองภาพอยู่ทั้ง 2 แบบ คือ ช่องมองภาพแบบออปติคอลและแบบดิจิทัล การทำงานของกล้องดิจิทัล
8.3 หน่วยความจำของกล้องดิจิตอล อุปกรณ์สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ดิจิตอลยุคใหม่ ไม่เพียงแต่กล้องดิจิตอลเท่านั้น เครื่อง / บันทึกวีดีโอ เครื่องเล่นเพลง MP3 พีดีเอ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนแต่มีพัฒนาการในการบันทึกข้อมูลภายในตัวเองมากขึ้นตามระยะเวลา ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี มีหน่วยความจำหลาย ๆ ชนิดผลิตขึ้นมา หน่วยความจำเหล่านี้โครงสร้างพื้นฐานทำมาจากหน่วยความจำที่ใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่สองประเภท คือ Hard Drive หน่วยความจำ Ramเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Flash Memory หรือหน่วยความจำแบบSolid State เนื่องจากหน่วยความจำแบบนี้จะมีชิ้นส่วนสำคัญคือใช้เซมิคอนดักเตอร์ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้
8.4 หน่วยความจำสำหรับใช้กับกล้องดิจิตอล มีดังนี้
ประเภทของการ์ดหน่วยความจำ
- Compact Flash (CF) มีขนาด 43x36x3.3 มิลลิเมตร เป็นหน่วยความจำที่มีขนาดค่อนข้าใหญ่
- Memory Stick
พัฒนาโดยบริษัท โซนี่ ราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีการหลายรุ่นมาก เพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น ได้แก่ Memory Stick Pro, Memory Stick Pro Duo เป็นต้น - Multimedia Card (MMC)
มีขนาด 24x32x1.4 มิลลิเมตร เป็นพื้นฐานหลักของการพัฒนา SD Card - Secure Digital Card (SD Card)
เป็นหน่วยความจำยอดนิยมตัวหนึ่ง ราคาเฉลี่ยถูกสุด - Secure Digital High-Capacity (SDHC)
พัฒนามาจาก SD Card โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของความจุ และความเร็วเป็นหลัก - Micro SD และ Micro SDHC
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น Micro นั่นหมายความว่าจะมีขนาดเล็กกว่าปกติครับ ส่วนมากรุ่นนี้จะใช้กับโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก
หน่วยความจำแบบ Smart Media
ที่มา mediath2.blogspot.com
8.5 เฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
แฟลชไดรฟ์ คือ อุปกรณ์ ขนาดเล็กที่สามารถพกพา และใช้เสียบเข้ากับ USBพอร์ตของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ USB แฟลชไดรฟ์ใช้เก็บข้อมูลเช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์แต่แฟลชไดรฟ์สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังที่อื่นๆ ได้โดยสะดวก USB แฟลชไดรฟ์จะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันไปและเก็บข้อมูลได้หลายกิกะไบต์ USB แฟลชไดรฟ์หรือเรียกอีกอย่างว่า เพนไดรฟ์ไดรฟ์พวงกุญแจคีย์ไดรฟ์ และ คีย์หน่วยความจำ
8.6 ประโยชน์ของเฟลชไดร์ฟ คือ
Flash Drive เป็นอุปกรณ์ IT นวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีความสามารถสูงและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำในการทำงาน ในการติดตามหาข้อมูลข่าวสาร หรือเพื่อความบันเทิง
• เก็บข้อมูลการติดต่อ เช่นเบอร์โทรศัพท์ หรือ Addressbook เพื่อความสะดวกในการใช้งานทุกที่
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• เพิ่มคุณสมบัติและการใช้งานด้วยAdd-on Software เช่นโปรแกรม Email, โปรแกรมแบ่งPartition, Digital Lock โดยใช้งานจาก Flash Drive ได้โดยตรง ซึ่งทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานได้ไม่จำกัด
8.7 ปริ้นเตอร์(Printer)
เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ที่ได้จาก การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร ์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
รูปแสดงเครื่องปริ้นเตอร์
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
ที่มาwww.dltudon.com
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
ที่มาmoo-xenocider.blogspot.com
8.8 สแกนเนอร์ (Scanner)
เครื่องสแกน คือ อุปกรณ์ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์แบบกราฟิก ที่มีหน้าที่ ในการเปลี่ยนแปลงภาพต้นฉบับ (รูปถ่าย ตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ภาพวาด) ให้เป็นข้อมูล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถนำข้อมูลดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ ในการแสดงผลที่หน้าจอ ทำให้สามารถแก้ไข ตกแต่งเพิ่มเติม และจัดเก็บข้อมูลได้
คำว่าสแกน (scan) หมายถึง กราดตรวจ, กราดภาพ
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
ที่มาwww.thaigoodview.com
8.8 การทำงานของสแกนเนอร์
การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCDซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่าCCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับ
จากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
8.10 ภาพจากสแกนเนอร์
ภาพในคอมพิวเตอร์ จะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล คอมพิวเตอร์แทนส่วนเล็ก ๆ ของภาพที่เรียกว่า พิกเซล (Pixels) ขนาดของไฟล์รูปภาพจะประกอบด้วยจำนวนพิกเซลเป็นร้อยเป็นพัน คอมพิวเตอร์จะบันทึกค่าความเข้มและค่าสีของพิกเซลแต่ละพิกเซล ด้วยจำนวน 1 บิต หรือ หลาย ๆ บิต จำนวนของพิกเซลจะเป็นตัวแสดงถึงความละเอียด และถ้ามีจำนวนบิตต่อพิกเซลมาก สีที่ได้ก็จะมากตามไปด้วย8.11 แดง เขียว น้ำเงิน(RGB)
การอ่านสี CCD ของเครื่องอ่านภาพ จะมีการประมวลผลโดยอาศัยโครงสร้างของแม่สี3 สี คือ
แดง เขียว และน้ำเงิน ในทางเทคนิคจะเรียกว่า RGB ในโครงสร้างสีแบบ RGB นี้แต่ละแบบจะเกิดขึ้นประกอบด้วยยแม่สีทั้ง3 สีรวมอยู่ด้วยกันในค่าที่ต่างกันไป
8.12 ชนิดของสแกนเนอร์
1.สแกนเนอร์แท่นเรียบ -Flatbed Scanner
สแกนได้ครั้งละ 1 แผ่น เพียงวางกระดาษที่ต้องการสแกน คว่ำหน้าลง และเรียกโปรแกรมสำหรับสแกนขึ้นมา และเลือกคำสั่งสแกน (สแกนเนอร์แบบนี้จะให้คุณภาพการแสดงที่ดีมาก และใช้งานง่าย)
2.สแกนเนอร์ดึงกระดาษ - Sheet-Fed Scanner
สแกนได้ครั้ง 1 แผ่นเช่นเดียวกัน เวลาสแกนเครื่องจะดึงกระดาษเข้าไป คล้ายเครื่องพิมพ์ ไม่เหมาะสำหรับการสแกนหนังสือ เพราะต้องฉึกกระดาษออกมา ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ค่อยแพงนัก คุณภาพที่ได้ยังไม่ค่อยดี
3.สแกนเนอร์มือถือ - Handhelded Scanner
สแกนเนอร์ที่ต้องการใช้มือลากไปยังภาพที่เราต้องการสแกน(สแกนค่อนข้างยาก) คุณภาพที่ได้ก็ไม่ค่อยดีนัก และยังต้องพึ่งความชำนาญในการลากเครื่องสแกน
8.13 ปัจจัยในการเลือกซื้อสแกนเนอร์
1. DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย
2.การเชื่อมต่อ
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม)เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USBมาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี
3. โปรแกรม
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scanตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR -Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)
4. ความสามารถพิเศษ
สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่
อุปกรณ์ต่อพ่วง คือ อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการทงานมากขึ้นปัจจุบันอุปกรณ์ต่อพ่วงพัฒนาล้ำหน้าไปมาก
8.2 กล้องดิจิตอล
แสดงภาพกล้องดิจิตอล
ที่มา www.fujifilm.co.th
แต่เดิมนั้นกล้องที่ใช้ทั่วไปจะเป็นกล้องแบบใช้ฟิล์ม ขนาด 35 มม. หรือที่เรียกกันว่ากล้อง35 มม. แต่ขณะนี้มีนวัตกรรมทางการถ่ายภาพที่ล้ำหน้าไปไกล การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยที่เปลี่ยนการใช้ฟิล์ม 35 มม. แบบธรรมดาเป็นการใช้ฟิล์มแบบดิจิตอล ซึ่งกลองแบบนี้มีชื่อเรียกกันว่า "กล้องดิจิตอล"(Digital Camera)
หลักการทำงานของกล้องดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับกล้อง 35 มม. ที่ใช้ฟิล์มธรรมดาทั่วไป คือมีเลนส์ สำหรับรับแสงที่สะท้อนจากวัตถุ และมีรูปรับแสง(Aperture) ซึ่งสามารถปรับขนาดได้ มีชัตเตอร์สำหรับ เปิดรับแสงในปริมาณและนานเท่าใด ส่วนความแตกต่างจะอยู่ที่ตัวรับแสงของกล้อง กล้องดิจิทัลใช้ตัวรับแสง ที่เรียกว่า CCD (Charge-Couply Device) ทำหน้าที่เป็นตัวรับแสงแทนฟิล์ม และ CCDนี้จะมีทาง ยาวโฟกัสที่สั้น ทำให้ได้มุมมองของภาพ (Angle of View)แคบ เนื่องจากตัวรับภาพมีขนาดที่เล็กกว่าฟิล์ม กล้องดิจิทัลมีการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ของกล้อง 35 มม. คือ การล้าง อัด ขยาย เอาไว้ในขั้นตอนเดียวกัน แบตเตอรี่ที่ใช้ในกล้องดิจิทัลมี 2 แบบคือ แบตเตอรี่ที่ใช้ได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก และ แบตเตอรรี่ที่นำกลับมาใช้งานได้อีกโดยการชาร์จ กล้องดิจิทัลจึงมีความสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่ากล้อง 35 มม. เนื่องจากกล้องดิจิทัลมีส่วนประกอบของการแสดงผลออกมาทางช่องมองภาพแบบLCD ซึ่ง เปรียบได้กับช่องมองภาพของ กล้องแบบธรรมดา และหากเป็นกล้องดิจิทัลรุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงจะมี ช่องมองภาพอยู่ทั้ง 2 แบบ คือ ช่องมองภาพแบบออปติคอลและแบบดิจิทัล การทำงานของกล้องดิจิทัล
8.3 หน่วยความจำของกล้องดิจิตอล อุปกรณ์สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ดิจิตอลยุคใหม่ ไม่เพียงแต่กล้องดิจิตอลเท่านั้น เครื่อง / บันทึกวีดีโอ เครื่องเล่นเพลง MP3 พีดีเอ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนแต่มีพัฒนาการในการบันทึกข้อมูลภายในตัวเองมากขึ้นตามระยะเวลา ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี มีหน่วยความจำหลาย ๆ ชนิดผลิตขึ้นมา หน่วยความจำเหล่านี้โครงสร้างพื้นฐานทำมาจากหน่วยความจำที่ใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่สองประเภท คือ Hard Drive หน่วยความจำ Ramเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Flash Memory หรือหน่วยความจำแบบSolid State เนื่องจากหน่วยความจำแบบนี้จะมีชิ้นส่วนสำคัญคือใช้เซมิคอนดักเตอร์ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้
8.4 หน่วยความจำสำหรับใช้กับกล้องดิจิตอล มีดังนี้
ประเภทของการ์ดหน่วยความจำ
- Compact Flash (CF) มีขนาด 43x36x3.3 มิลลิเมตร เป็นหน่วยความจำที่มีขนาดค่อนข้าใหญ่
- Memory Stick
พัฒนาโดยบริษัท โซนี่ ราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีการหลายรุ่นมาก เพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น ได้แก่ Memory Stick Pro, Memory Stick Pro Duo เป็นต้น - Multimedia Card (MMC)
มีขนาด 24x32x1.4 มิลลิเมตร เป็นพื้นฐานหลักของการพัฒนา SD Card - Secure Digital Card (SD Card)
เป็นหน่วยความจำยอดนิยมตัวหนึ่ง ราคาเฉลี่ยถูกสุด - Secure Digital High-Capacity (SDHC)
พัฒนามาจาก SD Card โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของความจุ และความเร็วเป็นหลัก - Micro SD และ Micro SDHC
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น Micro นั่นหมายความว่าจะมีขนาดเล็กกว่าปกติครับ ส่วนมากรุ่นนี้จะใช้กับโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก
หน่วยความจำแบบ Smart Media
ที่มา mediath2.blogspot.com
8.5 เฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
แฟลชไดรฟ์ คือ อุปกรณ์ ขนาดเล็กที่สามารถพกพา และใช้เสียบเข้ากับ USBพอร์ตของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ USB แฟลชไดรฟ์ใช้เก็บข้อมูลเช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์แต่แฟลชไดรฟ์สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังที่อื่นๆ ได้โดยสะดวก USB แฟลชไดรฟ์จะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันไปและเก็บข้อมูลได้หลายกิกะไบต์ USB แฟลชไดรฟ์หรือเรียกอีกอย่างว่า เพนไดรฟ์ไดรฟ์พวงกุญแจคีย์ไดรฟ์ และ คีย์หน่วยความจำ
8.6 ประโยชน์ของเฟลชไดร์ฟ คือ
Flash Drive เป็นอุปกรณ์ IT นวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีความสามารถสูงและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำในการทำงาน ในการติดตามหาข้อมูลข่าวสาร หรือเพื่อความบันเทิง
• เก็บข้อมูลการติดต่อ เช่นเบอร์โทรศัพท์ หรือ Addressbook เพื่อความสะดวกในการใช้งานทุกที่
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• เพิ่มคุณสมบัติและการใช้งานด้วยAdd-on Software เช่นโปรแกรม Email, โปรแกรมแบ่งPartition, Digital Lock โดยใช้งานจาก Flash Drive ได้โดยตรง ซึ่งทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานได้ไม่จำกัด
8.7 ปริ้นเตอร์(Printer)
เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ที่ได้จาก การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร ์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
รูปแสดงเครื่องปริ้นเตอร์
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
ที่มาwww.dltudon.com
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
ที่มาmoo-xenocider.blogspot.com
8.8 สแกนเนอร์ (Scanner)
เครื่องสแกน คือ อุปกรณ์ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์แบบกราฟิก ที่มีหน้าที่ ในการเปลี่ยนแปลงภาพต้นฉบับ (รูปถ่าย ตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ภาพวาด) ให้เป็นข้อมูล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถนำข้อมูลดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ ในการแสดงผลที่หน้าจอ ทำให้สามารถแก้ไข ตกแต่งเพิ่มเติม และจัดเก็บข้อมูลได้
คำว่าสแกน (scan) หมายถึง กราดตรวจ, กราดภาพ
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
ที่มาwww.thaigoodview.com
8.8 การทำงานของสแกนเนอร์
การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCDซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่าCCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับ
จากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
8.10 ภาพจากสแกนเนอร์
ภาพในคอมพิวเตอร์ จะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล คอมพิวเตอร์แทนส่วนเล็ก ๆ ของภาพที่เรียกว่า พิกเซล (Pixels) ขนาดของไฟล์รูปภาพจะประกอบด้วยจำนวนพิกเซลเป็นร้อยเป็นพัน คอมพิวเตอร์จะบันทึกค่าความเข้มและค่าสีของพิกเซลแต่ละพิกเซล ด้วยจำนวน 1 บิต หรือ หลาย ๆ บิต จำนวนของพิกเซลจะเป็นตัวแสดงถึงความละเอียด และถ้ามีจำนวนบิตต่อพิกเซลมาก สีที่ได้ก็จะมากตามไปด้วย8.11 แดง เขียว น้ำเงิน(RGB)
การอ่านสี CCD ของเครื่องอ่านภาพ จะมีการประมวลผลโดยอาศัยโครงสร้างของแม่สี3 สี คือ
แดง เขียว และน้ำเงิน ในทางเทคนิคจะเรียกว่า RGB ในโครงสร้างสีแบบ RGB นี้แต่ละแบบจะเกิดขึ้นประกอบด้วยยแม่สีทั้ง3 สีรวมอยู่ด้วยกันในค่าที่ต่างกันไป
8.12 ชนิดของสแกนเนอร์
1.สแกนเนอร์แท่นเรียบ -Flatbed Scanner
สแกนได้ครั้งละ 1 แผ่น เพียงวางกระดาษที่ต้องการสแกน คว่ำหน้าลง และเรียกโปรแกรมสำหรับสแกนขึ้นมา และเลือกคำสั่งสแกน (สแกนเนอร์แบบนี้จะให้คุณภาพการแสดงที่ดีมาก และใช้งานง่าย)
2.สแกนเนอร์ดึงกระดาษ - Sheet-Fed Scanner
สแกนได้ครั้ง 1 แผ่นเช่นเดียวกัน เวลาสแกนเครื่องจะดึงกระดาษเข้าไป คล้ายเครื่องพิมพ์ ไม่เหมาะสำหรับการสแกนหนังสือ เพราะต้องฉึกกระดาษออกมา ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ค่อยแพงนัก คุณภาพที่ได้ยังไม่ค่อยดี
3.สแกนเนอร์มือถือ - Handhelded Scanner
สแกนเนอร์ที่ต้องการใช้มือลากไปยังภาพที่เราต้องการสแกน(สแกนค่อนข้างยาก) คุณภาพที่ได้ก็ไม่ค่อยดีนัก และยังต้องพึ่งความชำนาญในการลากเครื่องสแกน
8.13 ปัจจัยในการเลือกซื้อสแกนเนอร์
1. DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย
2.การเชื่อมต่อ
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม)เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USBมาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี
3. โปรแกรม
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scanตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR -Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)
4. ความสามารถพิเศษ
สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่
อุปกรณ์ต่อพ่วง คือ อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการทงานมากขึ้นปัจจุบันอุปกรณ์ต่อพ่วงพัฒนาล้ำหน้าไปมาก
8.2 กล้องดิจิตอล
แสดงภาพกล้องดิจิตอล
ที่มา www.fujifilm.co.th
แต่เดิมนั้นกล้องที่ใช้ทั่วไปจะเป็นกล้องแบบใช้ฟิล์ม ขนาด 35 มม. หรือที่เรียกกันว่ากล้อง35 มม. แต่ขณะนี้มีนวัตกรรมทางการถ่ายภาพที่ล้ำหน้าไปไกล การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยที่เปลี่ยนการใช้ฟิล์ม 35 มม. แบบธรรมดาเป็นการใช้ฟิล์มแบบดิจิตอล ซึ่งกลองแบบนี้มีชื่อเรียกกันว่า "กล้องดิจิตอล"(Digital Camera)
หลักการทำงานของกล้องดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับกล้อง 35 มม. ที่ใช้ฟิล์มธรรมดาทั่วไป คือมีเลนส์ สำหรับรับแสงที่สะท้อนจากวัตถุ และมีรูปรับแสง(Aperture) ซึ่งสามารถปรับขนาดได้ มีชัตเตอร์สำหรับ เปิดรับแสงในปริมาณและนานเท่าใด ส่วนความแตกต่างจะอยู่ที่ตัวรับแสงของกล้อง กล้องดิจิทัลใช้ตัวรับแสง ที่เรียกว่า CCD (Charge-Couply Device) ทำหน้าที่เป็นตัวรับแสงแทนฟิล์ม และ CCDนี้จะมีทาง ยาวโฟกัสที่สั้น ทำให้ได้มุมมองของภาพ (Angle of View)แคบ เนื่องจากตัวรับภาพมีขนาดที่เล็กกว่าฟิล์ม กล้องดิจิทัลมีการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ของกล้อง 35 มม. คือ การล้าง อัด ขยาย เอาไว้ในขั้นตอนเดียวกัน แบตเตอรี่ที่ใช้ในกล้องดิจิทัลมี 2 แบบคือ แบตเตอรี่ที่ใช้ได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก และ แบตเตอรรี่ที่นำกลับมาใช้งานได้อีกโดยการชาร์จ กล้องดิจิทัลจึงมีความสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่ากล้อง 35 มม. เนื่องจากกล้องดิจิทัลมีส่วนประกอบของการแสดงผลออกมาทางช่องมองภาพแบบLCD ซึ่ง เปรียบได้กับช่องมองภาพของ กล้องแบบธรรมดา และหากเป็นกล้องดิจิทัลรุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงจะมี ช่องมองภาพอยู่ทั้ง 2 แบบ คือ ช่องมองภาพแบบออปติคอลและแบบดิจิทัล การทำงานของกล้องดิจิทัล
8.3 หน่วยความจำของกล้องดิจิตอล อุปกรณ์สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ดิจิตอลยุคใหม่ ไม่เพียงแต่กล้องดิจิตอลเท่านั้น เครื่อง / บันทึกวีดีโอ เครื่องเล่นเพลง MP3 พีดีเอ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนแต่มีพัฒนาการในการบันทึกข้อมูลภายในตัวเองมากขึ้นตามระยะเวลา ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี มีหน่วยความจำหลาย ๆ ชนิดผลิตขึ้นมา หน่วยความจำเหล่านี้โครงสร้างพื้นฐานทำมาจากหน่วยความจำที่ใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่สองประเภท คือ Hard Drive หน่วยความจำ Ramเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Flash Memory หรือหน่วยความจำแบบSolid State เนื่องจากหน่วยความจำแบบนี้จะมีชิ้นส่วนสำคัญคือใช้เซมิคอนดักเตอร์ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้
8.4 หน่วยความจำสำหรับใช้กับกล้องดิจิตอล มีดังนี้
ประเภทของการ์ดหน่วยความจำ
- Compact Flash (CF) มีขนาด 43x36x3.3 มิลลิเมตร เป็นหน่วยความจำที่มีขนาดค่อนข้าใหญ่
- Memory Stick
พัฒนาโดยบริษัท โซนี่ ราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีการหลายรุ่นมาก เพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น ได้แก่ Memory Stick Pro, Memory Stick Pro Duo เป็นต้น - Multimedia Card (MMC)
มีขนาด 24x32x1.4 มิลลิเมตร เป็นพื้นฐานหลักของการพัฒนา SD Card - Secure Digital Card (SD Card)
เป็นหน่วยความจำยอดนิยมตัวหนึ่ง ราคาเฉลี่ยถูกสุด - Secure Digital High-Capacity (SDHC)
พัฒนามาจาก SD Card โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของความจุ และความเร็วเป็นหลัก - Micro SD และ Micro SDHC
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น Micro นั่นหมายความว่าจะมีขนาดเล็กกว่าปกติครับ ส่วนมากรุ่นนี้จะใช้กับโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก
หน่วยความจำแบบ Smart Media
ที่มา mediath2.blogspot.com
8.5 เฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
แฟลชไดรฟ์ คือ อุปกรณ์ ขนาดเล็กที่สามารถพกพา และใช้เสียบเข้ากับ USBพอร์ตของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ USB แฟลชไดรฟ์ใช้เก็บข้อมูลเช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์แต่แฟลชไดรฟ์สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังที่อื่นๆ ได้โดยสะดวก USB แฟลชไดรฟ์จะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันไปและเก็บข้อมูลได้หลายกิกะไบต์ USB แฟลชไดรฟ์หรือเรียกอีกอย่างว่า เพนไดรฟ์ไดรฟ์พวงกุญแจคีย์ไดรฟ์ และ คีย์หน่วยความจำ
8.6 ประโยชน์ของเฟลชไดร์ฟ คือ
Flash Drive เป็นอุปกรณ์ IT นวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีความสามารถสูงและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำในการทำงาน ในการติดตามหาข้อมูลข่าวสาร หรือเพื่อความบันเทิง
• เก็บข้อมูลการติดต่อ เช่นเบอร์โทรศัพท์ หรือ Addressbook เพื่อความสะดวกในการใช้งานทุกที่
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• เพิ่มคุณสมบัติและการใช้งานด้วยAdd-on Software เช่นโปรแกรม Email, โปรแกรมแบ่งPartition, Digital Lock โดยใช้งานจาก Flash Drive ได้โดยตรง ซึ่งทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานได้ไม่จำกัด
8.7 ปริ้นเตอร์(Printer)
เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ที่ได้จาก การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร ์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
รูปแสดงเครื่องปริ้นเตอร์
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
ที่มาwww.dltudon.com
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
ที่มาmoo-xenocider.blogspot.com
8.8 สแกนเนอร์ (Scanner)
เครื่องสแกน คือ อุปกรณ์ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์แบบกราฟิก ที่มีหน้าที่ ในการเปลี่ยนแปลงภาพต้นฉบับ (รูปถ่าย ตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ภาพวาด) ให้เป็นข้อมูล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถนำข้อมูลดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ ในการแสดงผลที่หน้าจอ ทำให้สามารถแก้ไข ตกแต่งเพิ่มเติม และจัดเก็บข้อมูลได้
คำว่าสแกน (scan) หมายถึง กราดตรวจ, กราดภาพ
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
ที่มาwww.thaigoodview.com
8.8 การทำงานของสแกนเนอร์
การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCDซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่าCCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับ
จากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
8.10 ภาพจากสแกนเนอร์
ภาพในคอมพิวเตอร์ จะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล คอมพิวเตอร์แทนส่วนเล็ก ๆ ของภาพที่เรียกว่า พิกเซล (Pixels) ขนาดของไฟล์รูปภาพจะประกอบด้วยจำนวนพิกเซลเป็นร้อยเป็นพัน คอมพิวเตอร์จะบันทึกค่าความเข้มและค่าสีของพิกเซลแต่ละพิกเซล ด้วยจำนวน 1 บิต หรือ หลาย ๆ บิต จำนวนของพิกเซลจะเป็นตัวแสดงถึงความละเอียด และถ้ามีจำนวนบิตต่อพิกเซลมาก สีที่ได้ก็จะมากตามไปด้วย8.11 แดง เขียว น้ำเงิน(RGB)
การอ่านสี CCD ของเครื่องอ่านภาพ จะมีการประมวลผลโดยอาศัยโครงสร้างของแม่สี3 สี คือ
แดง เขียว และน้ำเงิน ในทางเทคนิคจะเรียกว่า RGB ในโครงสร้างสีแบบ RGB นี้แต่ละแบบจะเกิดขึ้นประกอบด้วยยแม่สีทั้ง3 สีรวมอยู่ด้วยกันในค่าที่ต่างกันไป
8.12 ชนิดของสแกนเนอร์
1.สแกนเนอร์แท่นเรียบ -Flatbed Scanner
สแกนได้ครั้งละ 1 แผ่น เพียงวางกระดาษที่ต้องการสแกน คว่ำหน้าลง และเรียกโปรแกรมสำหรับสแกนขึ้นมา และเลือกคำสั่งสแกน (สแกนเนอร์แบบนี้จะให้คุณภาพการแสดงที่ดีมาก และใช้งานง่าย)
2.สแกนเนอร์ดึงกระดาษ - Sheet-Fed Scanner
สแกนได้ครั้ง 1 แผ่นเช่นเดียวกัน เวลาสแกนเครื่องจะดึงกระดาษเข้าไป คล้ายเครื่องพิมพ์ ไม่เหมาะสำหรับการสแกนหนังสือ เพราะต้องฉึกกระดาษออกมา ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ค่อยแพงนัก คุณภาพที่ได้ยังไม่ค่อยดี
3.สแกนเนอร์มือถือ - Handhelded Scanner
สแกนเนอร์ที่ต้องการใช้มือลากไปยังภาพที่เราต้องการสแกน(สแกนค่อนข้างยาก) คุณภาพที่ได้ก็ไม่ค่อยดีนัก และยังต้องพึ่งความชำนาญในการลากเครื่องสแกน
8.13 ปัจจัยในการเลือกซื้อสแกนเนอร์
1. DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย
2.การเชื่อมต่อ
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม)เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USBมาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี
3. โปรแกรม
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scanตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR -Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)
4. ความสามารถพิเศษ
สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่
อุปกรณ์ต่อพ่วง คือ อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการทงานมากขึ้นปัจจุบันอุปกรณ์ต่อพ่วงพัฒนาล้ำหน้าไปมาก
8.2 กล้องดิจิตอล
แสดงภาพกล้องดิจิตอล
ที่มา www.fujifilm.co.th
แต่เดิมนั้นกล้องที่ใช้ทั่วไปจะเป็นกล้องแบบใช้ฟิล์ม ขนาด 35 มม. หรือที่เรียกกันว่ากล้อง35 มม. แต่ขณะนี้มีนวัตกรรมทางการถ่ายภาพที่ล้ำหน้าไปไกล การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยที่เปลี่ยนการใช้ฟิล์ม 35 มม. แบบธรรมดาเป็นการใช้ฟิล์มแบบดิจิตอล ซึ่งกลองแบบนี้มีชื่อเรียกกันว่า "กล้องดิจิตอล"(Digital Camera)
หลักการทำงานของกล้องดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับกล้อง 35 มม. ที่ใช้ฟิล์มธรรมดาทั่วไป คือมีเลนส์ สำหรับรับแสงที่สะท้อนจากวัตถุ และมีรูปรับแสง(Aperture) ซึ่งสามารถปรับขนาดได้ มีชัตเตอร์สำหรับ เปิดรับแสงในปริมาณและนานเท่าใด ส่วนความแตกต่างจะอยู่ที่ตัวรับแสงของกล้อง กล้องดิจิทัลใช้ตัวรับแสง ที่เรียกว่า CCD (Charge-Couply Device) ทำหน้าที่เป็นตัวรับแสงแทนฟิล์ม และ CCDนี้จะมีทาง ยาวโฟกัสที่สั้น ทำให้ได้มุมมองของภาพ (Angle of View)แคบ เนื่องจากตัวรับภาพมีขนาดที่เล็กกว่าฟิล์ม กล้องดิจิทัลมีการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ของกล้อง 35 มม. คือ การล้าง อัด ขยาย เอาไว้ในขั้นตอนเดียวกัน แบตเตอรี่ที่ใช้ในกล้องดิจิทัลมี 2 แบบคือ แบตเตอรี่ที่ใช้ได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก และ แบตเตอรรี่ที่นำกลับมาใช้งานได้อีกโดยการชาร์จ กล้องดิจิทัลจึงมีความสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่ากล้อง 35 มม. เนื่องจากกล้องดิจิทัลมีส่วนประกอบของการแสดงผลออกมาทางช่องมองภาพแบบLCD ซึ่ง เปรียบได้กับช่องมองภาพของ กล้องแบบธรรมดา และหากเป็นกล้องดิจิทัลรุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงจะมี ช่องมองภาพอยู่ทั้ง 2 แบบ คือ ช่องมองภาพแบบออปติคอลและแบบดิจิทัล การทำงานของกล้องดิจิทัล
8.3 หน่วยความจำของกล้องดิจิตอล อุปกรณ์สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ดิจิตอลยุคใหม่ ไม่เพียงแต่กล้องดิจิตอลเท่านั้น เครื่อง / บันทึกวีดีโอ เครื่องเล่นเพลง MP3 พีดีเอ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนแต่มีพัฒนาการในการบันทึกข้อมูลภายในตัวเองมากขึ้นตามระยะเวลา ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี มีหน่วยความจำหลาย ๆ ชนิดผลิตขึ้นมา หน่วยความจำเหล่านี้โครงสร้างพื้นฐานทำมาจากหน่วยความจำที่ใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่สองประเภท คือ Hard Drive หน่วยความจำ Ramเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Flash Memory หรือหน่วยความจำแบบSolid State เนื่องจากหน่วยความจำแบบนี้จะมีชิ้นส่วนสำคัญคือใช้เซมิคอนดักเตอร์ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้
8.4 หน่วยความจำสำหรับใช้กับกล้องดิจิตอล มีดังนี้
ประเภทของการ์ดหน่วยความจำ
- Compact Flash (CF) มีขนาด 43x36x3.3 มิลลิเมตร เป็นหน่วยความจำที่มีขนาดค่อนข้าใหญ่
- Memory Stick
พัฒนาโดยบริษัท โซนี่ ราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีการหลายรุ่นมาก เพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น ได้แก่ Memory Stick Pro, Memory Stick Pro Duo เป็นต้น - Multimedia Card (MMC)
มีขนาด 24x32x1.4 มิลลิเมตร เป็นพื้นฐานหลักของการพัฒนา SD Card - Secure Digital Card (SD Card)
เป็นหน่วยความจำยอดนิยมตัวหนึ่ง ราคาเฉลี่ยถูกสุด - Secure Digital High-Capacity (SDHC)
พัฒนามาจาก SD Card โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของความจุ และความเร็วเป็นหลัก - Micro SD และ Micro SDHC
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น Micro นั่นหมายความว่าจะมีขนาดเล็กกว่าปกติครับ ส่วนมากรุ่นนี้จะใช้กับโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก
หน่วยความจำแบบ Smart Media
ที่มา mediath2.blogspot.com
8.5 เฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
แฟลชไดรฟ์ คือ อุปกรณ์ ขนาดเล็กที่สามารถพกพา และใช้เสียบเข้ากับ USBพอร์ตของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ USB แฟลชไดรฟ์ใช้เก็บข้อมูลเช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์แต่แฟลชไดรฟ์สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังที่อื่นๆ ได้โดยสะดวก USB แฟลชไดรฟ์จะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันไปและเก็บข้อมูลได้หลายกิกะไบต์ USB แฟลชไดรฟ์หรือเรียกอีกอย่างว่า เพนไดรฟ์ไดรฟ์พวงกุญแจคีย์ไดรฟ์ และ คีย์หน่วยความจำ
8.6 ประโยชน์ของเฟลชไดร์ฟ คือ
Flash Drive เป็นอุปกรณ์ IT นวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีความสามารถสูงและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำในการทำงาน ในการติดตามหาข้อมูลข่าวสาร หรือเพื่อความบันเทิง
• เก็บข้อมูลการติดต่อ เช่นเบอร์โทรศัพท์ หรือ Addressbook เพื่อความสะดวกในการใช้งานทุกที่
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• เพิ่มคุณสมบัติและการใช้งานด้วยAdd-on Software เช่นโปรแกรม Email, โปรแกรมแบ่งPartition, Digital Lock โดยใช้งานจาก Flash Drive ได้โดยตรง ซึ่งทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานได้ไม่จำกัด
8.7 ปริ้นเตอร์(Printer)
เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ที่ได้จาก การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร ์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
รูปแสดงเครื่องปริ้นเตอร์
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
ที่มาwww.dltudon.com
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
ที่มาmoo-xenocider.blogspot.com
8.8 สแกนเนอร์ (Scanner)
เครื่องสแกน คือ อุปกรณ์ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์แบบกราฟิก ที่มีหน้าที่ ในการเปลี่ยนแปลงภาพต้นฉบับ (รูปถ่าย ตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ภาพวาด) ให้เป็นข้อมูล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถนำข้อมูลดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ ในการแสดงผลที่หน้าจอ ทำให้สามารถแก้ไข ตกแต่งเพิ่มเติม และจัดเก็บข้อมูลได้
คำว่าสแกน (scan) หมายถึง กราดตรวจ, กราดภาพ
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
ที่มาwww.thaigoodview.com
8.8 การทำงานของสแกนเนอร์
การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCDซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่าCCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับ
จากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
8.10 ภาพจากสแกนเนอร์
ภาพในคอมพิวเตอร์ จะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล คอมพิวเตอร์แทนส่วนเล็ก ๆ ของภาพที่เรียกว่า พิกเซล (Pixels) ขนาดของไฟล์รูปภาพจะประกอบด้วยจำนวนพิกเซลเป็นร้อยเป็นพัน คอมพิวเตอร์จะบันทึกค่าความเข้มและค่าสีของพิกเซลแต่ละพิกเซล ด้วยจำนวน 1 บิต หรือ หลาย ๆ บิต จำนวนของพิกเซลจะเป็นตัวแสดงถึงความละเอียด และถ้ามีจำนวนบิตต่อพิกเซลมาก สีที่ได้ก็จะมากตามไปด้วย8.11 แดง เขียว น้ำเงิน(RGB)
การอ่านสี CCD ของเครื่องอ่านภาพ จะมีการประมวลผลโดยอาศัยโครงสร้างของแม่สี3 สี คือ
แดง เขียว และน้ำเงิน ในทางเทคนิคจะเรียกว่า RGB ในโครงสร้างสีแบบ RGB นี้แต่ละแบบจะเกิดขึ้นประกอบด้วยยแม่สีทั้ง3 สีรวมอยู่ด้วยกันในค่าที่ต่างกันไป
8.12 ชนิดของสแกนเนอร์
1.สแกนเนอร์แท่นเรียบ -Flatbed Scanner
สแกนได้ครั้งละ 1 แผ่น เพียงวางกระดาษที่ต้องการสแกน คว่ำหน้าลง และเรียกโปรแกรมสำหรับสแกนขึ้นมา และเลือกคำสั่งสแกน (สแกนเนอร์แบบนี้จะให้คุณภาพการแสดงที่ดีมาก และใช้งานง่าย)
2.สแกนเนอร์ดึงกระดาษ - Sheet-Fed Scanner
สแกนได้ครั้ง 1 แผ่นเช่นเดียวกัน เวลาสแกนเครื่องจะดึงกระดาษเข้าไป คล้ายเครื่องพิมพ์ ไม่เหมาะสำหรับการสแกนหนังสือ เพราะต้องฉึกกระดาษออกมา ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ค่อยแพงนัก คุณภาพที่ได้ยังไม่ค่อยดี
3.สแกนเนอร์มือถือ - Handhelded Scanner
สแกนเนอร์ที่ต้องการใช้มือลากไปยังภาพที่เราต้องการสแกน(สแกนค่อนข้างยาก) คุณภาพที่ได้ก็ไม่ค่อยดีนัก และยังต้องพึ่งความชำนาญในการลากเครื่องสแกน
8.13 ปัจจัยในการเลือกซื้อสแกนเนอร์
1. DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย
2.การเชื่อมต่อ
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม)เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USBมาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี
3. โปรแกรม
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scanตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR -Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)
4. ความสามารถพิเศษ
สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่
อุปกรณ์ต่อพ่วง คือ อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการทงานมากขึ้นปัจจุบันอุปกรณ์ต่อพ่วงพัฒนาล้ำหน้าไปมาก
8.2 กล้องดิจิตอล
แสดงภาพกล้องดิจิตอล
ที่มา www.fujifilm.co.th
แต่เดิมนั้นกล้องที่ใช้ทั่วไปจะเป็นกล้องแบบใช้ฟิล์ม ขนาด 35 มม. หรือที่เรียกกันว่ากล้อง35 มม. แต่ขณะนี้มีนวัตกรรมทางการถ่ายภาพที่ล้ำหน้าไปไกล การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยที่เปลี่ยนการใช้ฟิล์ม 35 มม. แบบธรรมดาเป็นการใช้ฟิล์มแบบดิจิตอล ซึ่งกลองแบบนี้มีชื่อเรียกกันว่า "กล้องดิจิตอล"(Digital Camera)
หลักการทำงานของกล้องดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับกล้อง 35 มม. ที่ใช้ฟิล์มธรรมดาทั่วไป คือมีเลนส์ สำหรับรับแสงที่สะท้อนจากวัตถุ และมีรูปรับแสง(Aperture) ซึ่งสามารถปรับขนาดได้ มีชัตเตอร์สำหรับ เปิดรับแสงในปริมาณและนานเท่าใด ส่วนความแตกต่างจะอยู่ที่ตัวรับแสงของกล้อง กล้องดิจิทัลใช้ตัวรับแสง ที่เรียกว่า CCD (Charge-Couply Device) ทำหน้าที่เป็นตัวรับแสงแทนฟิล์ม และ CCDนี้จะมีทาง ยาวโฟกัสที่สั้น ทำให้ได้มุมมองของภาพ (Angle of View)แคบ เนื่องจากตัวรับภาพมีขนาดที่เล็กกว่าฟิล์ม กล้องดิจิทัลมีการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ของกล้อง 35 มม. คือ การล้าง อัด ขยาย เอาไว้ในขั้นตอนเดียวกัน แบตเตอรี่ที่ใช้ในกล้องดิจิทัลมี 2 แบบคือ แบตเตอรี่ที่ใช้ได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก และ แบตเตอรรี่ที่นำกลับมาใช้งานได้อีกโดยการชาร์จ กล้องดิจิทัลจึงมีความสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่ากล้อง 35 มม. เนื่องจากกล้องดิจิทัลมีส่วนประกอบของการแสดงผลออกมาทางช่องมองภาพแบบLCD ซึ่ง เปรียบได้กับช่องมองภาพของ กล้องแบบธรรมดา และหากเป็นกล้องดิจิทัลรุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงจะมี ช่องมองภาพอยู่ทั้ง 2 แบบ คือ ช่องมองภาพแบบออปติคอลและแบบดิจิทัล การทำงานของกล้องดิจิทัล
8.3 หน่วยความจำของกล้องดิจิตอล อุปกรณ์สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ดิจิตอลยุคใหม่ ไม่เพียงแต่กล้องดิจิตอลเท่านั้น เครื่อง / บันทึกวีดีโอ เครื่องเล่นเพลง MP3 พีดีเอ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนแต่มีพัฒนาการในการบันทึกข้อมูลภายในตัวเองมากขึ้นตามระยะเวลา ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี มีหน่วยความจำหลาย ๆ ชนิดผลิตขึ้นมา หน่วยความจำเหล่านี้โครงสร้างพื้นฐานทำมาจากหน่วยความจำที่ใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่สองประเภท คือ Hard Drive หน่วยความจำ Ramเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Flash Memory หรือหน่วยความจำแบบSolid State เนื่องจากหน่วยความจำแบบนี้จะมีชิ้นส่วนสำคัญคือใช้เซมิคอนดักเตอร์ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้
8.4 หน่วยความจำสำหรับใช้กับกล้องดิจิตอล มีดังนี้
ประเภทของการ์ดหน่วยความจำ
- Compact Flash (CF) มีขนาด 43x36x3.3 มิลลิเมตร เป็นหน่วยความจำที่มีขนาดค่อนข้าใหญ่
- Memory Stick
พัฒนาโดยบริษัท โซนี่ ราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีการหลายรุ่นมาก เพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น ได้แก่ Memory Stick Pro, Memory Stick Pro Duo เป็นต้น - Multimedia Card (MMC)
มีขนาด 24x32x1.4 มิลลิเมตร เป็นพื้นฐานหลักของการพัฒนา SD Card - Secure Digital Card (SD Card)
เป็นหน่วยความจำยอดนิยมตัวหนึ่ง ราคาเฉลี่ยถูกสุด - Secure Digital High-Capacity (SDHC)
พัฒนามาจาก SD Card โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของความจุ และความเร็วเป็นหลัก - Micro SD และ Micro SDHC
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น Micro นั่นหมายความว่าจะมีขนาดเล็กกว่าปกติครับ ส่วนมากรุ่นนี้จะใช้กับโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก
หน่วยความจำแบบ Smart Media
ที่มา mediath2.blogspot.com
8.5 เฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
แฟลชไดรฟ์ คือ อุปกรณ์ ขนาดเล็กที่สามารถพกพา และใช้เสียบเข้ากับ USBพอร์ตของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ USB แฟลชไดรฟ์ใช้เก็บข้อมูลเช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์แต่แฟลชไดรฟ์สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังที่อื่นๆ ได้โดยสะดวก USB แฟลชไดรฟ์จะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันไปและเก็บข้อมูลได้หลายกิกะไบต์ USB แฟลชไดรฟ์หรือเรียกอีกอย่างว่า เพนไดรฟ์ไดรฟ์พวงกุญแจคีย์ไดรฟ์ และ คีย์หน่วยความจำ
8.6 ประโยชน์ของเฟลชไดร์ฟ คือ
Flash Drive เป็นอุปกรณ์ IT นวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีความสามารถสูงและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำในการทำงาน ในการติดตามหาข้อมูลข่าวสาร หรือเพื่อความบันเทิง
• เก็บข้อมูลการติดต่อ เช่นเบอร์โทรศัพท์ หรือ Addressbook เพื่อความสะดวกในการใช้งานทุกที่
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• เพิ่มคุณสมบัติและการใช้งานด้วยAdd-on Software เช่นโปรแกรม Email, โปรแกรมแบ่งPartition, Digital Lock โดยใช้งานจาก Flash Drive ได้โดยตรง ซึ่งทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานได้ไม่จำกัด
8.7 ปริ้นเตอร์(Printer)
เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ที่ได้จาก การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร ์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
รูปแสดงเครื่องปริ้นเตอร์
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
ที่มาwww.dltudon.com
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
ที่มาmoo-xenocider.blogspot.com
8.8 สแกนเนอร์ (Scanner)
เครื่องสแกน คือ อุปกรณ์ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์แบบกราฟิก ที่มีหน้าที่ ในการเปลี่ยนแปลงภาพต้นฉบับ (รูปถ่าย ตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ภาพวาด) ให้เป็นข้อมูล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถนำข้อมูลดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ ในการแสดงผลที่หน้าจอ ทำให้สามารถแก้ไข ตกแต่งเพิ่มเติม และจัดเก็บข้อมูลได้
คำว่าสแกน (scan) หมายถึง กราดตรวจ, กราดภาพ
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
ที่มาwww.thaigoodview.com
8.8 การทำงานของสแกนเนอร์
การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCDซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่าCCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับ
จากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
8.10 ภาพจากสแกนเนอร์
ภาพในคอมพิวเตอร์ จะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล คอมพิวเตอร์แทนส่วนเล็ก ๆ ของภาพที่เรียกว่า พิกเซล (Pixels) ขนาดของไฟล์รูปภาพจะประกอบด้วยจำนวนพิกเซลเป็นร้อยเป็นพัน คอมพิวเตอร์จะบันทึกค่าความเข้มและค่าสีของพิกเซลแต่ละพิกเซล ด้วยจำนวน 1 บิต หรือ หลาย ๆ บิต จำนวนของพิกเซลจะเป็นตัวแสดงถึงความละเอียด และถ้ามีจำนวนบิตต่อพิกเซลมาก สีที่ได้ก็จะมากตามไปด้วย8.11 แดง เขียว น้ำเงิน(RGB)
การอ่านสี CCD ของเครื่องอ่านภาพ จะมีการประมวลผลโดยอาศัยโครงสร้างของแม่สี3 สี คือ
แดง เขียว และน้ำเงิน ในทางเทคนิคจะเรียกว่า RGB ในโครงสร้างสีแบบ RGB นี้แต่ละแบบจะเกิดขึ้นประกอบด้วยยแม่สีทั้ง3 สีรวมอยู่ด้วยกันในค่าที่ต่างกันไป
8.12 ชนิดของสแกนเนอร์
1.สแกนเนอร์แท่นเรียบ -Flatbed Scanner
สแกนได้ครั้งละ 1 แผ่น เพียงวางกระดาษที่ต้องการสแกน คว่ำหน้าลง และเรียกโปรแกรมสำหรับสแกนขึ้นมา และเลือกคำสั่งสแกน (สแกนเนอร์แบบนี้จะให้คุณภาพการแสดงที่ดีมาก และใช้งานง่าย)
2.สแกนเนอร์ดึงกระดาษ - Sheet-Fed Scanner
สแกนได้ครั้ง 1 แผ่นเช่นเดียวกัน เวลาสแกนเครื่องจะดึงกระดาษเข้าไป คล้ายเครื่องพิมพ์ ไม่เหมาะสำหรับการสแกนหนังสือ เพราะต้องฉึกกระดาษออกมา ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ค่อยแพงนัก คุณภาพที่ได้ยังไม่ค่อยดี
3.สแกนเนอร์มือถือ - Handhelded Scanner
สแกนเนอร์ที่ต้องการใช้มือลากไปยังภาพที่เราต้องการสแกน(สแกนค่อนข้างยาก) คุณภาพที่ได้ก็ไม่ค่อยดีนัก และยังต้องพึ่งความชำนาญในการลากเครื่องสแกน
8.13 ปัจจัยในการเลือกซื้อสแกนเนอร์
1. DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย
2.การเชื่อมต่อ
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม)เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USBมาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี
3. โปรแกรม
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scanตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR -Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)
4. ความสามารถพิเศษ
สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่
อุปกรณ์ต่อพ่วง คือ อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการทงานมากขึ้นปัจจุบันอุปกรณ์ต่อพ่วงพัฒนาล้ำหน้าไปมาก
8.2 กล้องดิจิตอล
แสดงภาพกล้องดิจิตอล
ที่มา www.fujifilm.co.th
แต่เดิมนั้นกล้องที่ใช้ทั่วไปจะเป็นกล้องแบบใช้ฟิล์ม ขนาด 35 มม. หรือที่เรียกกันว่ากล้อง35 มม. แต่ขณะนี้มีนวัตกรรมทางการถ่ายภาพที่ล้ำหน้าไปไกล การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยที่เปลี่ยนการใช้ฟิล์ม 35 มม. แบบธรรมดาเป็นการใช้ฟิล์มแบบดิจิตอล ซึ่งกลองแบบนี้มีชื่อเรียกกันว่า "กล้องดิจิตอล"(Digital Camera)
หลักการทำงานของกล้องดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับกล้อง 35 มม. ที่ใช้ฟิล์มธรรมดาทั่วไป คือมีเลนส์ สำหรับรับแสงที่สะท้อนจากวัตถุ และมีรูปรับแสง(Aperture) ซึ่งสามารถปรับขนาดได้ มีชัตเตอร์สำหรับ เปิดรับแสงในปริมาณและนานเท่าใด ส่วนความแตกต่างจะอยู่ที่ตัวรับแสงของกล้อง กล้องดิจิทัลใช้ตัวรับแสง ที่เรียกว่า CCD (Charge-Couply Device) ทำหน้าที่เป็นตัวรับแสงแทนฟิล์ม และ CCDนี้จะมีทาง ยาวโฟกัสที่สั้น ทำให้ได้มุมมองของภาพ (Angle of View)แคบ เนื่องจากตัวรับภาพมีขนาดที่เล็กกว่าฟิล์ม กล้องดิจิทัลมีการทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ของกล้อง 35 มม. คือ การล้าง อัด ขยาย เอาไว้ในขั้นตอนเดียวกัน แบตเตอรี่ที่ใช้ในกล้องดิจิทัลมี 2 แบบคือ แบตเตอรี่ที่ใช้ได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก และ แบตเตอรรี่ที่นำกลับมาใช้งานได้อีกโดยการชาร์จ กล้องดิจิทัลจึงมีความสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่ากล้อง 35 มม. เนื่องจากกล้องดิจิทัลมีส่วนประกอบของการแสดงผลออกมาทางช่องมองภาพแบบLCD ซึ่ง เปรียบได้กับช่องมองภาพของ กล้องแบบธรรมดา และหากเป็นกล้องดิจิทัลรุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงจะมี ช่องมองภาพอยู่ทั้ง 2 แบบ คือ ช่องมองภาพแบบออปติคอลและแบบดิจิทัล การทำงานของกล้องดิจิทัล
8.3 หน่วยความจำของกล้องดิจิตอล อุปกรณ์สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ดิจิตอลยุคใหม่ ไม่เพียงแต่กล้องดิจิตอลเท่านั้น เครื่อง / บันทึกวีดีโอ เครื่องเล่นเพลง MP3 พีดีเอ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนแต่มีพัฒนาการในการบันทึกข้อมูลภายในตัวเองมากขึ้นตามระยะเวลา ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี มีหน่วยความจำหลาย ๆ ชนิดผลิตขึ้นมา หน่วยความจำเหล่านี้โครงสร้างพื้นฐานทำมาจากหน่วยความจำที่ใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่สองประเภท คือ Hard Drive หน่วยความจำ Ramเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Flash Memory หรือหน่วยความจำแบบSolid State เนื่องจากหน่วยความจำแบบนี้จะมีชิ้นส่วนสำคัญคือใช้เซมิคอนดักเตอร์ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้
8.4 หน่วยความจำสำหรับใช้กับกล้องดิจิตอล มีดังนี้
ประเภทของการ์ดหน่วยความจำ
- Compact Flash (CF) มีขนาด 43x36x3.3 มิลลิเมตร เป็นหน่วยความจำที่มีขนาดค่อนข้าใหญ่
- Memory Stick
พัฒนาโดยบริษัท โซนี่ ราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีการหลายรุ่นมาก เพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น ได้แก่ Memory Stick Pro, Memory Stick Pro Duo เป็นต้น - Multimedia Card (MMC)
มีขนาด 24x32x1.4 มิลลิเมตร เป็นพื้นฐานหลักของการพัฒนา SD Card - Secure Digital Card (SD Card)
เป็นหน่วยความจำยอดนิยมตัวหนึ่ง ราคาเฉลี่ยถูกสุด - Secure Digital High-Capacity (SDHC)
พัฒนามาจาก SD Card โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของความจุ และความเร็วเป็นหลัก - Micro SD และ Micro SDHC
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น Micro นั่นหมายความว่าจะมีขนาดเล็กกว่าปกติครับ ส่วนมากรุ่นนี้จะใช้กับโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก
หน่วยความจำแบบ Smart Media
ที่มา mediath2.blogspot.com
8.5 เฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
แฟลชไดรฟ์ คือ อุปกรณ์ ขนาดเล็กที่สามารถพกพา และใช้เสียบเข้ากับ USBพอร์ตของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ USB แฟลชไดรฟ์ใช้เก็บข้อมูลเช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์แต่แฟลชไดรฟ์สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังที่อื่นๆ ได้โดยสะดวก USB แฟลชไดรฟ์จะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันไปและเก็บข้อมูลได้หลายกิกะไบต์ USB แฟลชไดรฟ์หรือเรียกอีกอย่างว่า เพนไดรฟ์ไดรฟ์พวงกุญแจคีย์ไดรฟ์ และ คีย์หน่วยความจำ
8.6 ประโยชน์ของเฟลชไดร์ฟ คือ
Flash Drive เป็นอุปกรณ์ IT นวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีความสามารถสูงและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำในการทำงาน ในการติดตามหาข้อมูลข่าวสาร หรือเพื่อความบันเทิง
• เก็บข้อมูลการติดต่อ เช่นเบอร์โทรศัพท์ หรือ Addressbook เพื่อความสะดวกในการใช้งานทุกที่
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• ใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด, ไฟล์งาน,หรือโน๊ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Cafe
• ย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน๊ตบุ๊ค
• ใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปโชว์เพื่อนๆ
• ฟังเพลง MP3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา(เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
• ใช้เป็นฮาร์ดดิสส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ
• เก็บข้อมูลสำคัญๆ แล้วป้องกันข้อมูลด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
• ใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่างๆ
• ใช้เก็บข้อความ Email ต่างๆ ที่สำคัญ
• ใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่(ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ร้านอินเตอร์เน็ต,มหาลัย, หรือทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์)
• เพิ่มคุณสมบัติและการใช้งานด้วยAdd-on Software เช่นโปรแกรม Email, โปรแกรมแบ่งPartition, Digital Lock โดยใช้งานจาก Flash Drive ได้โดยตรง ซึ่งทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานได้ไม่จำกัด
8.7 ปริ้นเตอร์(Printer)
เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ที่ได้จาก การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร ์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
รูปแสดงเครื่องปริ้นเตอร์
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ
เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute)ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPMเช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่ 300 dpiหรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง
ที่มาwww.dltudon.com
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข)และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
ที่มาmoo-xenocider.blogspot.com
8.8 สแกนเนอร์ (Scanner)
เครื่องสแกน คือ อุปกรณ์ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์แบบกราฟิก ที่มีหน้าที่ ในการเปลี่ยนแปลงภาพต้นฉบับ (รูปถ่าย ตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ภาพวาด) ให้เป็นข้อมูล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถนำข้อมูลดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ ในการแสดงผลที่หน้าจอ ทำให้สามารถแก้ไข ตกแต่งเพิ่มเติม และจัดเก็บข้อมูลได้
คำว่าสแกน (scan) หมายถึง กราดตรวจ, กราดภาพ
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
เครื่องสแกน หรือ เครื่องกราดภาพ จะทำการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะตัวอักษร หรือภาพโดยเรียงลำดับทีละส่วน
ที่มาwww.thaigoodview.com
8.8 การทำงานของสแกนเนอร์
การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCDซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่าCCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับ
จากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
8.10 ภาพจากสแกนเนอร์
ภาพในคอมพิวเตอร์ จะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล คอมพิวเตอร์แทนส่วนเล็ก ๆ ของภาพที่เรียกว่า พิกเซล (Pixels) ขนาดของไฟล์รูปภาพจะประกอบด้วยจำนวนพิกเซลเป็นร้อยเป็นพัน คอมพิวเตอร์จะบันทึกค่าความเข้มและค่าสีของพิกเซลแต่ละพิกเซล ด้วยจำนวน 1 บิต หรือ หลาย ๆ บิต จำนวนของพิกเซลจะเป็นตัวแสดงถึงความละเอียด และถ้ามีจำนวนบิตต่อพิกเซลมาก สีที่ได้ก็จะมากตามไปด้วย8.11 แดง เขียว น้ำเงิน(RGB)
การอ่านสี CCD ของเครื่องอ่านภาพ จะมีการประมวลผลโดยอาศัยโครงสร้างของแม่สี3 สี คือ
แดง เขียว และน้ำเงิน ในทางเทคนิคจะเรียกว่า RGB ในโครงสร้างสีแบบ RGB นี้แต่ละแบบจะเกิดขึ้นประกอบด้วยยแม่สีทั้ง3 สีรวมอยู่ด้วยกันในค่าที่ต่างกันไป
8.12 ชนิดของสแกนเนอร์
1.สแกนเนอร์แท่นเรียบ -Flatbed Scanner
สแกนได้ครั้งละ 1 แผ่น เพียงวางกระดาษที่ต้องการสแกน คว่ำหน้าลง และเรียกโปรแกรมสำหรับสแกนขึ้นมา และเลือกคำสั่งสแกน (สแกนเนอร์แบบนี้จะให้คุณภาพการแสดงที่ดีมาก และใช้งานง่าย)
2.สแกนเนอร์ดึงกระดาษ - Sheet-Fed Scanner
สแกนได้ครั้ง 1 แผ่นเช่นเดียวกัน เวลาสแกนเครื่องจะดึงกระดาษเข้าไป คล้ายเครื่องพิมพ์ ไม่เหมาะสำหรับการสแกนหนังสือ เพราะต้องฉึกกระดาษออกมา ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ค่อยแพงนัก คุณภาพที่ได้ยังไม่ค่อยดี
3.สแกนเนอร์มือถือ - Handhelded Scanner
สแกนเนอร์ที่ต้องการใช้มือลากไปยังภาพที่เราต้องการสแกน(สแกนค่อนข้างยาก) คุณภาพที่ได้ก็ไม่ค่อยดีนัก และยังต้องพึ่งความชำนาญในการลากเครื่องสแกน
8.13 ปัจจัยในการเลือกซื้อสแกนเนอร์
1. DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย
2.การเชื่อมต่อ
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม)เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USBมาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี
3. โปรแกรม
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scanตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR -Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)
4. ความสามารถพิเศษ
สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น